วิชาพยากรณ์ ที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา
โกณทัญญพราหมณ์ พยากรณ์พระโอรสของพระเจ้าสุทโธทนะ และถวายพระนาม
โกณทัญญพราหมณ์ พยากรณ์พระโอรสของพระเจ้าสุทโธทนะ และถวายพระนาม เมื่อพระพุทธองค์เป็นพระกุมารประสูติครบ 5 วัน พระเจ้าสุทโธทนะโปรดให้ทำ พระราชพิธีโสรจสรงน้ำองค์พระกุมาร เพื่อถวายพระนาม มีการเชิญกษัตริย์ พราหมณ์ และผู้มีเกียรติเข้าร่วมพิธี โดยคัดเลือกเอาพราหมณ์ ๘ คน เพื่อพยากรณ์ พราหมณ์ 7 คน พยากรณ์เป็นสองนัยว่า จะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุด หรือหากออกบวชก็จะเป็นศาสดาเอกของโลก ในคราวนั้นมีโกณทัญญพราหมณ์เพียงผู้เดียว ที่ทำนายว่าพระองค์จะออกบวช และตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า และถวายพระนามว่า สิทธัตถะ
อสิตะดาบสเข้าเฝ้าพระเจ้าสุทโธทนะที่ได้พระราชโอรส-และถวายพยากรณ์
ในครั้งนั้นมีฤๅษีนามว่า อสิตะ มีฤทธิ์มาก เมื่อทราบข่าวการประสูติของพระโอรส ก็เดินทางมาเข้าเฝ้าพระเจ้าสุทโธทนะ เพื่อถวายคำพยากรณ์พระโอรส เมื่ออัญเชิญพระโอรสมาให้นมัสการท่านอสิตะ ปรากฏว่าพระบาททั้งสองข้างของพระโอรส กลับขึ้นไปปรากฏบนศีรษะของท่านอสิตะ ท่านจึงทราบด้วยญาณว่าพระองค์จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า แต่ก็นึกเสียใจว่าเมื่อถึงคราวนั้นตัวท่านเองไม่ได้อยู่ในโลกนี้แล้ว
พระพุทธเจ้าทรงแนะนำให้พุทธบริษัท-สวดพระปริตรเพื่อคุ้มครองตน
การสะเดาะเคราะห์ อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร ท่านได้สอนใช้พระปริตร ในการป้องกัน และแก้ไขดวงชะตา เช่น การอาบน้ำมนต์พระปริตร การทำพระผงยาจินดามณี และใช้สวดในพิธีกรรมอื่นๆ พระปริตร แปลว่า เครื่องคุ้มครอง
พระองค์ทรงเมตตาประทานพระคาถายืดอายุ-ให้สุปติฏฐิตาเทพบุตร
กาลครั้งหนึ่งมีเทพบุตรนาม สุปติฏฐิตา ทราบเหตุจากเทพบุตรนามว่า อากาสจารินี ว่าอีก 7 วันตนจะสิ้นบุญ จะต้องตายจากสวรรค์ไปเวียนว่ายตายเกิดในนรก และภพภูิมิต่างๆ ท่านสุปติฏฐิตา จึงร้อนใจพยายามหาวิธีแก้ไข จึงเสด็จไปถามพระอินทร์ พระอินทร์ท่านก็สงสารจึงทูลให้พระพุทธองค์ทรงโปรดให้การช่วยเหลือ พระพุทธองค์จึงตรัสเทศนา พระคาถาอุณหิสสวิชัย
พระพุทธองค์ทรงตรัสเรื่อง-พระภิกษุผู้อยู่ป่าเป็นวัตร-พึงเรียนทางนักษัตร-ซึ่งเป็นวิชาสูงสุดของโหราศาสตร์
ในสมัยนั้นพระภิกษุที่อาศัยอยู่ในป่า มีข้าวของเครื่องใช้น้อย คราวหนึ่งเจอกับโจรป่า เมื่อโจรทราบว่าพระเหล่านั้น ไม่ได้มีอะไรติดตัวเลย ก็ถามถึงความรู้ทางโหราศาสตร์ พระเหล่านั้นตอบไม่ได้ พวกโจรจึงพากันรุมทำร้าย เมื่อความทราบถึงพระพุทธเจ้า ท่านจึงทรงอนุญาตให้พระที่อยู่ป่า ควรเรียนโหราศาสตร์ทางนักษัตรทั้งสิ้น หรือบางส่วนไว้ ท่านสามารถค้นหาข้อมูลจากพระไตรปิฎก เล่มที่ ๗ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๗ จุลวรรค ภาค ๒ อารัญญกวัตร [๔๒๘] [๔๒๙] ข้อความสำคัญในตอนนั้นคือ "พึงเรียนทางนักษัตรทั้งสิ้น หรือบางส่วนไว้"
ก่อนหน้านั้น พระพุทธองค์ทรงห้ามพระภิกษุหาเลี้ยงชีพด้วยการทำนาย ทายทักต่างๆ แต่สำหรับพระภิกษุผู้อยู่ป่าท่านทรงอนุญาตเอาไว้ ดังข้อความข้างต้น ท่านสามารถหารายละเอียดได้จาก พระไตรปิฎก เล่มที่ ๙ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑ ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค [๓๒๐]
พระพุทธเจ้าทรงห้ามพระภิกษุประกอบอาชีพด้วยวิชาโหราศาสตร์ หรือแม้นแต่การเป็นแพทย์ปรุงยา ในความเข้าใจของผมคิดว่า "ไม่ใช่หนทางปฏิบัติให้ถึงพระนิพพานโดยตรง เพราะต้องเสียเวลาค้นคว้าหาความรู้" รายละเอียดเพิ่มเติมในพระไตรปิฎก เล่มที่ ๙ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑ ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค